ศาลฎีกาฯ ประหารชีวิตอดีตผญบ. ข่มขืนฆ่า น้องสโนว์

ศาลฎีกาฯ ประหารชีวิตอดีตผญบ. ข่มขืนฆ่า น้องสโนว์

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 63 ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีข่มขืนกระทำชำเรา ทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย คดีหมายเลขดำที่ อ. 2112/2559 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.1381/2560 ที่โจทก์ พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และครอบครัวผู้เสียชีวิต ยื่นฟ้อง นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน ในคดีข่มขืนและทำร้าย น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือ น้องสโนว์ จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.58

ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาผ่านทางวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ให้กับจำเลยฟัง 

โดยมีเนื้อหาสรุปว่า สาระสำคัญที่จำเลยฎีกามีความขัดแย้งกันหลายอย่าง อีกทั้งศาลอุทธรณ์พิจารณาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ฝ่ายโจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานแน่ชัด แต่ปรากฏพยานแวดล้อมหลายปากที่ให้การสอดคล้องกัน ร่วมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะรอยแผลที่บริเวณนิ้วมือ ซึ่งเป็นรอยกัดของฟันของมนุษย์ และลูกอัณฑะที่บวม เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ ที่ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์

รวมทั้งรถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ก็มีหลักฐานยืนยันจากนิติวิทยาศาสตร์ว่ามีร่องรอยเฉี่ยวชนกัน ศาลพิจารณาแล้วเป็นพยานและหลักฐานที่มั่งคง จึงตัดสินให้ลงโทษตามศาลศาลอุทธรณ์ คือประหารชีวิตนายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท

ด้านนางลำไย พลประสิทธิ์ แม่ของน้องสโนว์ กล่าวว่า คนร้ายได้ถูกลงโทษอย่างสาสมแล้ว และอยากขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ตลอด พร้อมทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงสามารถจับกุมได้ และคนร้ายก็ได้รับโทษที่ก่อไว้ รวมถึงสื่อมวลชนที่ช่วยนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง และอยากให้ลูกสาวไปสู่สุคติเพราะคนร้ายได้รับโทษสูงสุดคือประหารชีวิต

Facebook กราดยิงโคราช – จากกรณีจ่าสิบเอกสังกัดทหารบกก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ ก่อนจะไปปล้นอาวุธภายในค่ายทหาร และขี่รถจี๊ปออกมากราดยิงประชาชน และหลบเข้าไปภายในห้าง เทอร์มินัล 21 โดยระหว่างก่อเหตุก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กไปด้วยนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 30 ราย ต่อมามีรายงานข่าวว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประสานไปทางเฟซบุ๊กให้ปิดกั้นเฟซของคนร้ายตามที่ได้เสนอข่าวไปนั้น

ล่าสุดทางเฟซบุ๊ก ได้ส่งหนังสือชี้แจงต่อกรณีการประสานงานของกระทรวงเศรษฐกิจและสังคม ในกรณีโศกนาฎกรรมกราดยิงที่โคราชว่า

“จากกรณีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในโคราช ซึ่งได้มีการรายงานข่าวที่อ้างถึงการชี้แจงจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่าทาง Facebook ใช้เวลานานถึง 5 ชั่วโมงก่อนที่จะดำเนินการใดๆ กับเพจของผู้ก่อเหตุซึ่งทำการไลฟ์นั้น ทาง Facebook ขอชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยเรารับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านช่องทางการสื่อสารภายในของเราเท่านั้น และได้ปิดเพจของผู้ก่อเหตุในทันที ก่อนที่จะมีการประสานงานกับทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหลังจากนั้น จึงเรียนมาเพื่อทราบและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านสื่อมวลชนจะพิจารณาในการให้ความร่วมมือเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกต้องดังกล่าว”

บิ๊กแดงน้ำตาคลอ แถลงขอโทษ สรุปเหตุการณ์กราดยิงโคราช

กราดยิงโคราช – จากกรณีเหตุการณ์กราดยิงโคราช โดยผลสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งเรื่องที่ดินระหว่างจ่าสิบเอกผู้ก่อเหตุ กับผู้บังคับบัญชา ส่งผลให้ลงมือยิงผู้บังคับบัญชาและเครือญาต ก่อนบานปลายเป็นการกราดยิงประชาชนเสียชีวิตรวม 30 ศพ คาบเกี่ยวระหว่างช่วงบ่ายของวันที่ 8 ก.พ. ถึงช่วงเช้ามืดชองวันที่ 9 ก.พ. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันนี้ เวลาประมาณ 9.30 น. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้แถลงต่อเหตุการณ์กราดยิงโคราช 8 ประเด็นใหญ่ๆ โดยพล.อ.อภิรัชต์ ได้กล่าวขอโทษและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พล.อ.อภิรัชต์ได้ลำดับเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ต้นจากการยิงผู้บังคับบัญชาและเครือญาติ โดยจ่าสิบเอกผู้ก่อเหตุมีปืนไว้ในครอบครอง 5 กระบอกปืนพก 9 มม. ยี่ห้อบาเรตตา, ปืนพก 11 มม. ยี่ห้อเอฟเอ็น, ปืนลูกโม่ แม็กนั่ม .44 สมิธแอนด์เวธสัน, ปืนเล็กยาว .22 รองไรเฟิล และปืนลูกซองเรมิงตันแบบ 870 และใช้ปืนเข้าไปปล้นปืนในค่ายทหารสุรนารี ก่อนจะขับรถจี๊ปดัดแปลงออกมา

จ่าสิบเอกใช้ปืนที่ปล้นมาตั้งแต่จุดแรกขับมาปล้นปืนที่กองร้อยรักษาการณ์ คือ HK33 กราดยิงพลทหาร จากนั้นใช้ลูกซองเรมิงตัน 870 ยิงกุญแจคลังอาวุธและบานประตูอาวุธคลัง ปล้นปืน HK33 อีก 1 กระบอก ปืนกล M60 อีก 1 กระบอก แล้วใช้ HK33 ยิงยามรักษาการณ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทำให้พลทหารซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของตนเองบาดเจ็บ 2 นาย

กระบวนการจับกุมคนร้ายนั้นมีการประชุมและทำตามขั้นตอนคือให้ทางฝ่ายตำรวจเป็นผู้นำกำลัง หลังจากนั้นช่วงเช้าภารกิจก็สำเร็จ

โดยข้อความสำคัญ พล.อ.อภิรัชต์ระบุว่า “ตั้งแต่วินาทีที่เขาลั่นไกสังหารประชาชน เขาคืออาชญากรร ไมใช่ทหารอีกต่อไป” “โปรดอย่าด่าสถาบันทหาร อย่าด่าทหาร สถาบันทหารเป็นสถาบันอักศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความรู้สึก หากจะด่าให้มาด่าที่ตน พล.อ.อภิรัชต์” “แม้ผมจะเหลือเวลากองทัพอีกไม่นาน ก็จะปรับปรุงพัฒนากองทัพอย่างดีที่สุด

นอกจากนี้ด้านมาตรการเยียวยาช่วยเหลือ ได้รับปากว่าจะเยียวยาผู้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ทางครอบครัวใดที่ต้องการเข้ารับราชการ ก็พร้อมรับโดยไม่มีเงื่อนไขข้อแม้ หากทายาทยังเรียนหนังสือไม่จบ กองทัพก็จะรับผิดชอบดูแลด้านการศึกษา

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร